ยุค 2G เป็นยุคที่เปลี่ยนจากการส่งคลื่นทางคลื่นวิทยุแบบแอนาล็อกมาเป็นการใช้สัญญาณดิจิทัล โดยส่งผ่านทางคลื่นไมโครเวฟ ทำให้สามารถใช้งานทางด้านข้อมูลได้นอกเหนือจากการใช้งานทางเสียงเพียงอย่างเดียวโดยสามารถรับส่งข้อมูลต่างๆ และเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนเกิดการกำหนดเส้นทางการเชื่อมกับสถานีฐานหริอที่เรียกว่า (cell site) และก่อให้เกิดระบบ GSM (Global System for Mobie Communication) ซึ่งทำให้สามารถถือโทรศัพท์เครื่องเดียวไปใช้ได้เกือบทั่วโลก หรือที่เรียกว่า บริการข้ามเครือข่าย (roaming)
ยุค 3G ใช้บริการมัลติมีเดีย และส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตตราความเร็วสูงขึ้น มีความเร็วในการดาวโหลดน์ข้อมูลสูงสุด 2 เมกกะบิดต่อวินาที หรือเร็วกว่าเครือข่าย EDGE ที่ใช้ในปัจจุบันเกือบ 10 เท่า มีช่องสัญญาณความถี่ ความจุในการส่งข้อมูลที่มากกว่า เข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงได้สะดวกยิ่งขึ้น สามารถใช้สนทนาแบบเห็นหน้า (video telephone) ช่วยให้สามารถสื่อสารได้พร้อมกันทั้งภาพและเสียง รับชมโทรทัศน์หรือวิดีโอผ่านอินเตอร์เน็ตในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งมีสัญาณภาพที่คมชัด และสามารถใช้บริการข้ามเครือข่าย (roaming) ได้เช่นเดียวกับระบบ GSM
ยุค 4G เป็นเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ มีความเร็วในการสื่อสารได้ระดับถึง 20-40 เมกกะบิตต่อวินาที สามารถเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional : 3D) ระหว่างผู้ใช้ด้โทรศัพท์ด้วยกันเองโดยให้บริการมัลติมีเดียในลักษณะที่มามารถโต้ตอบไำด้เช่น อินเตอร์เน็ตไร้สาย เลเลคอนเฟอเรนซ์ เป็นต้น
หนังสือเรียน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น